อุณหภูมิของข้าวซูชิ คือหัวใจสำคัญที่เชฟชาวญี่ปุ่นพิถีพิถันอย่างมาก เพราะอุณหภูมิของข้าวสามารถดึงรสชาติที่ดีที่สุดของวัตถดิบออกมา ข้าวที่หุงเสร็จใหม่ ๆ จึงต้องจัดเก็บในภาชนะพิเศษเพื่อควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ ว่ากันว่า ปลาคือราชันย์แห่งซูชิ ข้าวเปรียบเสมือน ‘เสาหลัก’ ที่ค้ำจุนรสชาติของซูชิทุกคำให้สมบูรณ์แบบ ซึ่งเชฟแต่ละคนล้วนมีสูตรลับเฉพาะตัว Yuzu Omakase พาคุณเจาะลึกสู่ความสำคัญของอุณหภูมิข้าว ศิลปะของซูชิแบบเอโดะมาเอะ (Edomae) ที่จะสร้างสมดุลแห่งรสชาติให้สมบูรณ์แบบ

อุณหภูมิของข้าว สำคัญอย่างไร

อุณหภูมิของข้าว เป็นหัวใจความอร่อยของซูชิทุกคำ โดยทั่วไปแล้ว อุณหภูมิข้าวควรใกล้เคียงกับอุณหภูมิของร่างกาย (ประมาณ 36-37 องศาฯ) เชฟมากประสบการณ์จะปรับเปลี่ยน อุณหภูมิข้าว ให้เหมาะกับปลาแต่ละชนิดเพื่อดึงรสชาติที่ดีที่สุดของปลา โดยข้าวจะปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู น้ำตาล เกลือ หรือส่วนผสมลับของเชฟ เพื่อสร้างสมดุลของรสชาติ ให้รสเปรี้ยวอมหวานของข้าวเสริมความมันและรสชาติอูมามิของเนื้อปลา เพื่อให้ทุกคำมอบประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งเกิดจากความแม่นยำทางวิทยาศาสตร์และศิลปะการทำอาหารแบบญี่ปุ่น

อุณหภูมิข้าว มีผลต่อซูชิอย่างไร

อุณหภูมิของข้าวที่เหมาะสมจะช่วยดึงรสชาติของปลาออกมา จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อความอร่อยและรสชาติอันสมดุลของซูชิ อีกทั้งข้าวที่ได้รับการหุงและปรุงอย่างพิถีพิถันจะมีผลต่อซูชิ ดังนี้

• ข้าวอุ่น ปลาเย็น: ความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิของข้าวและปลา จะช่วยกระตุ้นต่อมรับรสให้รู้รสชาติได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยข้าวซูชิควรมีอุณหภูมิใกล้เคียงกับอุณหภูมิของร่างกาย (Body Temperature) ประมาณ 36 - 37 องศาฯ ขณะที่เนื้อปลา (Neta) จะเก็บในอุณหภูมิที่เย็นกว่าราว 2-5 องศาฯ ไม่เย็นจัดจนแช่แข็ง เพื่อรักษาความสด เนื้อสัมผัสที่ดี และควบคุมการเติบโตของแบคทีเรีย
• กลิ่นหอมเย้ายวนใจ: ความอุ่นของข้าวจะช่วยละลายไขมัน (Fat) ในเนื้อปลา เช่น ฮามาจิ (ปลาสำลีญี่ปุ่น) หรือ โอโทโร่ (ส่วนท้องของปลาทูน่า) ให้สลายตัวและเคลือบลิ้นได้ดีขึ้น ทั้งยังช่วยปลดปล่อยกลิ่นหอมของน้ำส้มสายชูหมักที่ผสมอยู่ในข้าว (ซูเมชิ) ให้รสอูมามิจากข้าวและปลาผสมผสานกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
• รสสัมผัสที่สมบูรณ์แบบ: ข้าวที่อุ่นกำลังดีจะมีความนุ่มฟูและเบา เมื่อนำเข้าปากข้าวจะสามารถแตกตัวได้ง่ายให้รสสัมผัสที่สมบูรณ์แบบ หากข้าวเย็นเกินไปจะแข็งตัวและติดกันทำให้เสียอรรถรสในการกินซูชิ

กล่าวได้ว่า อุณหภูมิของข้าวซูชิเป็นเรื่องของการรังสรรค์ประสบการณ์ที่สมบูรณ์แบบ ช่วยยกระดับรสชาติของปลาแต่ละชนิดและวัตถุดิบต่าง ๆ ให้อร่อยถึงขีดสุดนั่นเอง

อุณหภูมิข้าวที่แตกต่าง สร้างรสชาติที่สมบูรณ์แบบ

อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่า เชฟซูชิ (Shokunin) จะปรับอุณหภูมิของข้าวให้แตกต่างกันไปตามชนิดของปลา เพื่อให้เข้ากันได้อย่างลงตัวที่สุด การปรับอุณหภูมิของข้าวเป็นศิลปะที่เชฟแต่ละคนใช้เพื่อควบคุมว่า “ไขมันของปลาจะละลายได้เร็วแค่ไหน” เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับรสชาติที่ดีที่สุดในวินาทีที่ซูชิเข้าสู่ปาก ตัวอย่างเช่น

ชนิดของปลา (Neta)	ลักษณะของวัตถุดิบ	อุณหภูมิข้าว (Shari) ที่เหมาะสม
ปลาที่มีไขมันสูง เช่น ทูน่าส่วนโอโทโร่ / ชูโทโร่, แซลมอน, ปลาซาบะดอง	เนื้อเข้มข้น มีไขมันแทรกเยอะ	อุ่นกว่าอุณหภูมิร่างกายเล็กน้อย
ปลาเนื้อขาว หรือปลาเนื้อแดงไม่ติดมัน เช่น ฮิราเมะ, ไท, อากามิ (ทูน่าส่วนเนื้อแดง)	เนื้อแน่น ไขมันแทรกน้อย	อุณหภูมิร่างกาย
ปลาที่มีรสชาติรุนแรง หรีอปรุงรสเข้มข้น เช่น ปลาไหล (อนาโกะ) ที่ผ่านการย่างแล้ว	รสชาติเข้มข้น มีซอสปรุงรส	อุ่นกว่าอุณหภูมิร่างกายเล็กน้อย
หอย / กุ้งต้ม เช่น โฮตาเตะ, กุ้งคุรุมะ เป็นต้น	ปรุงสุกแล้ว	อุณหภูมิร่างกาย

ข้าวซูชิ เคล็ดลับความอร่อยของ Yuzu Omakase

เคล็ดลับความอร่อยที่โดดเด่นของ Yuzu Omakase อยู่ที่การผสมผสานศาสตร์ดั้งเดิมของซูชิเข้ากับความร่วมสมัย โดยมี ‘ยูสุ’ (Yuzu) เป็นพระเอกที่ทำให้ข้าวซูชิทุกคำของเราโดดเด่นและแตกต่าง หัวใจสำคัญอยู่ที่ ข้าวซูชิ (Shari) ที่ได้รับการปรุงอย่างพิถีพิถันตามแบบฉบับญี่ปุ่นแท้ ผสานกลิ่นหอมของยูสุอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งรสชาติของยูสุจะช่วยตัดความเข้มข้นของไขมันในเนื้อปลา หรือความมันของอูนิได้อย่างลงตัว ให้รสชาติสดชื่นและไม่เลี่ยนจนเกินไป การเล่นกับกลิ่นและรสชาติที่ทำให้ซูชิแต่ละคำของ Yuzu Omakase มอบประสบการณ์ที่น่าจดจำแก่ผู้ที่ชื่นชอบซูชิแนว Japanese Fusion Omakase อย่างแท้จริง

หากคุณอยากลิ้มลองซูชิที่สมดุลในทุกคำ รวมถึงอุณหภูมิของข้าวที่จะดึงรสชาติที่ดีที่สุดของวัตถุดิบแต่ละชนิดได้อย่างสมบูรณ์แบบ Yuzu Omakase พร้อมเติมเต็มประสบการณ์โอมากาเสะมื้อพิเศษ ที่จะสร้างความประทับใจครั้งใหม่ให้กับคุณ เลือกคอร์สที่ชื่นชอบได้ที่ https://www.yuzuomakase.com/overview/