yuzu-blog-thumbnail

Do & Don’t: มารยาทในการกิน ‘โอมากาเสะ’ ที่หลายคนอาจไม่รู้!  

อย่างที่ทราบกันดีครับว่า ‘โอมากาเสะ’ (Omakase) ไม่ใช่แค… Continue reading Do & Don’t: มารยาทในการกิน ‘โอมากาเสะ’ ที่หลายคนอาจไม่รู้!  

Local Story 2025 ต.ค. 11

อย่างที่ทราบกันดีครับว่า ‘โอมากาเสะ’ (Omakase) ไม่ใช่แค่การรับประทานอาหารทั่วไป แต่เป็นการเดินทางผ่านศาสตร์และศิลปะแห่งอาหารญี่ปุ่น ที่คุณสามารถปล่อยวางทุกความกังวลในการเลือกเมนู แล้วมอบความไว้วางใจไห้เชฟเป็นผู้รังสรรค์เมนูสุดพิเศษจากวัตถุดิบที่ดีที่สุดในแต่ละวัน ถึงอย่างนั้น หลายคนก็ไม่อยากดูเป็น “มือใหม่หัดกินโอมากาเสะ” ใช่ไหมครับ เรามาทำความรู้จักกับธรรมเนียมในการรับประทานโอมากาเสะ ผ่านคำแนะนำของ เชฟมิตสึฮิโระ อารากิ (Mitsuhiro Araki) เชฟชาวญี่ปุ่นคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่ร้านอาหารของเขาได้รับรางวัลมิชลินสตาร์ 3 ดาว ตั้งแต่วิธีรับประทานโอมากาเสะอย่างถูกต้องไปจนถึงการแต่งกายที่เหมาะสม เพื่อให้โอมากาเสะมื้อต่อไปของคุณเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำมากขึ้น

Please Do: ธรรมเนียมและมารยาทในการกินโอมากาเสะ

เรามาเริ่มจากธรรมเนียมและมารยาทในการรับประทานโอมากาเสะที่ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะถือเป็นมื้ออาหารในโอกาสพิเศษต่าง ๆ สำหรับชาวญี่ปุ่น หรือสำหรับคนที่รักการรับประทานอาหารอย่างแท้จริง มารยาทพื้นฐาน 5 ข้อนี้จะช่วยเพิ่มความประทับใจในการรับประทานโอมากาเสะ อีกทั้งเชฟและเพื่อนร่วมโต๊ะก็จะชื่นชมคุณด้วยครับ นั่นคือ

  • ตรงต่อเวลา: โอมากาเสะมักจะเสิร์ฟเป็นรอบและเริ่มต้นพร้อมกันทุกคน ดังนั้น การมาตรงเวลาจึงเป็นการเคารพเชฟและเพื่อนร่วมโต๊ะท่านอื่น ๆ  เพื่อให้ทุกคนได้เริ่มต้นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมไปพร้อม ๆ กัน แนะนำให้มาก่อนเวลาสัก 5-10 นาทีจะดีที่สุดครับ 
  • แจ้งข้อมูลส่วนตัว: ในที่นี่หมายถึงวัตถุดิบที่คุณรับประทานไม่ได้ เช่น บางคนไม่รับประทานเนื้อวัว เนื้อหมู หรือเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะคนที่มีอาการแพ้วัตถุดิบบางอย่าง เช่น แพ้กุ้ง แพ้หอยบางชนิด ควรแจ้งข้อมูลเหล่านี้ให้ทางร้านรับทราบตั้งแต่การจองที่นั่ง เพื่อให้เชฟเตรียมวัตถุดิบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ 
  • รับประทานทันทีที่เสิร์ฟ: ซูชิแต่ละคำได้รับการปั้นขึ้นอย่างพิถีพิถันและเสิร์ฟในอุณหภูมิที่สมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิของข้าว เนื้อปลา หรือเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ๆ ควรรับประทานทันทีหลังจากที่เชฟวางลงบนจาน เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุดนั่นเองครับ
  • รับประทานซูชิทั้งหมดในคำเดียว: ซูชิหนึ่งคำถูกออกแบบมาให้เป็น ‘Perfect Bite’ ที่ทุกองค์ประกอบทั้งข้าว ปลา และวาซาบิ จะผสมผสานกันอย่างลงตัวในปาก การแบ่งรับประทานจะทำให้คุณพลาดสมดุลของรสชาติที่เชฟตั้งใจไว้
  • พูดคุยกับเชฟ: เสน่ห์ของโอมากาเสะ คือบทสนทนาระหว่างคุณกับเชฟ ดังนั้น อย่าลังเลที่จะสอบถามหรือพูดคุยเกี่ยวกับวัตถุดิบ แหล่งที่มา หรือเทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายและเป็นกันเองมากขึ้น แต่ควรให้เกียรติเชฟระหว่างทำงานและเพื่อนร่วมโต๊ะด้วยนะครับ
  • วางตะเกียบให้ถูกที่: การวางตะเกียบไว้บนที่วางตะเกียบ (Hashioki) ถือเป็นมารยาทพื้นฐานในการรับประทานอาหารที่คนญี่ปุ่นใส่ใจ ไม่ควรวางพาดไว้บนถ้วยหรือจาน

Just Don’t: กฎเหล็กในการกินโอมากาเสะ ที่ไม่ควรมองข้าม!

เพื่อให้การรับประทานโอมากาเสะมื้อต่อไปของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด เรามาดูมารยาทที่ไม่ควรทำบนโต๊ะอาหารกันดีกว่า หากคุณเผลอทำพฤติกรรมเหล่านี้อาจจะเป็นการรบกวนเชฟหรือเพื่อนร่วมโต๊ะโดยไม่รู้ตัว หากอยากรับประทานโอมากาเสะให้เหมือนเรียนมาจากชาวญี่ปุ่นแท้ ๆ แนะนำให้ทำตามนี้ ต่อให้คุณเป็นมื้อใหม่ก็ไม่มีใครดูออกแน่นอนครับ

  • ฉีดน้ำหอม หรือทาครีมบำรุงผิวกลิ่นแรง: หัวใจของโอมากาเสะ คือรสชาติและกลิ่นอันละเอียดอ่อนของวัตถุดิบสดใหม่ การใช้น้ำหอมที่มีกลิ่นแรงนอกจากจะรบกวนการรับกลิ่นของคุณ แล้วยังรบกวนต่อมรับกลิ่นของเชฟและผู้อื่นอีกด้วย
  • ไม่วางมือถือ กุญแจ หรือกระเป่าบนโต๊ะโอมากาเสะ: เคาน์เตอร์โอมากาเสะส่วนใหญ่มักจะผลิตจากวัสดุพรีเมียมมูลค่าสูง (โดยเฉพาะเคาน์เตอร์ไม้) จึงมีความเซนซิทีฟเป็นพิเศษต่อรอยขีดข่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดจากมือถือ กุญแจ กระเป๋า หรือ gadget ที่วางลงบนเคาน์เตอร์ ทางที่ดีควรสอบถามพนักงานถึงจุดวางของได้อย่างปลอดภัย และสำหรับสายถ่ายรูปแนะนำให้วางมือถือไว้บนตัก หรือใส่กระเป๋าสะพายใบเล็ก ๆ แล้วแขวนไว้กับเก้าอี้จะดีกว่าครับ 
  • จิ้มโชยุฝั่งข้าว: เชฟส่วนใหญ่จะทาโชยุหรือซอสสูตรพิเศษในซูชิทุกคำอยู่แล้ว หากคุณต้องการจิ้มโชยุเพิ่มจริง ๆ ควรใช้เนื้อปลาจิ้มโชยุเพียงเล็กน้อย การจิ้มฝั่งข้าวนอกจากจะทำให้ข้าวอมโชยุมากเกินไป และทำให้ข้าวแตกออกจากกันอีกด้วย
  • ผสมวาซาบิลงในโชยุ: ข้อนี้สำคัญมากครับ เพราะเชฟจะใส่วาซาบิในปริมาณที่เหมาะสมในซูชิ เพื่อดึงรสชาติที่ดีที่สุดของปลาชนิดนั้น ๆ ออกมา การผสมวาซาบิเพิ่มในถ้วยโชยุจึงไม่จำเป็น และอาจถือเป็นการไม่เชื่อมั่นในฝีมือของเชฟอีกด้วย
  • กินซูชิแกล้มขิงดอง: ท่องให้ขึ้นใจครับว่า ‘ขิงดอง’ (Gari) เป็นเหมือนเครื่องเคียงล้างปาก ที่มีไว้สำหรับรับประทานคั่นระหว่างซูชิแต่ละคำ เพื่อปรับการรับรสของคุณให้พร้อมสำหรับปลาชนิดต่อไป จึงไม่ควรรับประทานพร้อมกับซูชินั่นเอง
  • ใช้แฟลชถ่ายรูป หรือส่งเสียงดัง การถ่ายรูปอาหารถือเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ทำได้ แต่ควรถ่ายรูปอย่างรวดเร็วและงดใช้แฟลช เพื่อไม่เป็นการรบกวนสมาธิของเชฟและเพื่อนร่วมโต๊ะท่านอื่น ๆ 

ไปกินโอมากาเสะ แต่งตัวแบบไหนดี

แม้จะไม่มีกฎตายตัว แต่การแต่งกายแบบ ‘Smart Casual’ ถือว่าเหมาะสมที่สุด สำหรับคุณผู้ชายแนะนำให้สวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาว หรือสวมเสื้อโปโลแล้วทับด้วยแจ็กเก็ตก็ได้เช่นกันครับ ไม่จำเป็นต้องใส่สูทผูกไทแต่อย่างใด ส่วนคุณผู้หญิงอาจจะเลือกเป็นชุดเดรสสุภาพ ๆ หรือเสื้อผ้าที่ดูเรียบร้อยไม่เซ็กซี่จนเกินไป หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อยืด กางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะ ที่ดูแล้วสบายจนเกินไป ที่สำคัญควรแต่งกายสะอาด ให้เกียรติสถานที่ เชฟ และเพื่อนร่วมมื้ออาหารของคุณ เพราะโอมากาเสะถือเป็นช่วงเวลาพิเศษสำหรับลูกค้าท่านอื่น ๆ เช่นกัน 

‘โอมากาเสะ’ แพงแล้วคุ้มค่าไหม

ปฏิเสธไม่ได้ว่า คอร์สโอมากาเสะมีราคาค่อนข้างสูงครับ แต่เรื่องของความ ‘คุ้มค่า’ ไม่ได้วัดกันที่ปริมาณ หากแต่วัดกันที่ ‘คุณภาพและประสบการณ์’ ที่ไม่เหมือนใคร เพราะคุณจะได้ลิ้มลองปลาในแต่ละฤดูกาล และวัตถุดิบพรีเมียมที่ส่งตรงมาจากแหล่งผลิตที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นหรือประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ที่มีทั้งความสดใหม่และรสชาติเป็นเลิศ ภายใต้การรังสรรค์โดยเชฟที่สะสมความรู้และประสบการณ์มานานหลายปี ท่ามกลางบรรยากาศแบบเคาน์เตอร์บาร์และที่นั่งที่มีจำกัดในแต่ละรอบเท่านั้น เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์พิเศษและบริการอย่างดีราวกับเป็นคนสำคัญ อีกทั้งการนั่งชมเชฟปรุงอาหารแบบใกล้ชิดยังให้ความรู้สึกเหมือนกำลังรับชมการแสดง Performance Art แบบเอ็กซ์คลูซีฟ เทียบกันแล้วต้องบอกว่า ‘คุ้มค่า’ สุด ๆ เลยล่ะครับ

เพียงทำตามคำแนะนำดี ๆ ที่เรานำมาฝาก จะช่วยให้โอมากาเสะมื้อต่อไปกลายเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจ ในทุกครั้งที่เข้าร้านโอมากาเสะคุณจะได้สัมผัสกับการเดินทางแห่งรสชาติ เรียนรู้และลิ้มลองวัตถุดิบใหม่ ๆ ได้เข้าใจถึงรสชาติที่ดีที่สุดของวัตถุดิบในแต่ละฤดูกาล ทั้งยังเข้าถึงวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่นชั้นสูงอย่างแท้จริง นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้โอมากาเสะได้รับเลือกให้เป็นมื้ออาหารสำหรับโอกาสพิเศษ เพราะมันคือประสบการณ์ที่สร้างน่าจดจำนั่นเองครับ

เเชร์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

เเชร์