yuzu-blog-thumbnail

ไขทุกข้อสงสัย! 10 สิ่งต้องรู้ก่อนไปกิน ‘โอมากาเสะ’ และความต่างที่คนรักซูชิต้องเข้าใจ

‘โอมากาเสะ’ (Omakase) คือสุนทรียศาสตร์แห่งการรับประทานอ… Continue reading ไขทุกข้อสงสัย! 10 สิ่งต้องรู้ก่อนไปกิน ‘โอมากาเสะ’ และความต่างที่คนรักซูชิต้องเข้าใจ

Local Story 2025 ก.ย. 8


‘โอมากาเสะ’ (Omakase) คือสุนทรียศาสตร์แห่งการรับประทานอาหารญี่ปุ่นขั้นสูง ที่ซึ่งทุกคำคือศิลปะที่เชฟบรรจงรังสรรค์ขึ้นจากวัตถุดิบพรีเมียมที่ดีที่สุดตามฤดูกาล แตกต่างจากการรับประทานซูชิทั่วไป เพราะนี่คือการเดินทางแห่งรสชาติที่เชฟเป็นผู้กำหนดลำดับการเสิร์ฟอย่างพิถีพิถัน เพื่อมอบประสบการณ์อันน่าประทับใจสูงสุด คอร์สโอมากาเสะไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงซูชิ แต่ยังเปี่ยมด้วยความหลากหลายทั้งซาชิมิ ซุป และของหวาน เพื่อเติมเต็มประสบการณ์มื้อพิเศษนี้ให้สมบูรณ์แบบ การเตรียมตัวและทำความเข้าใจในวัฒนธรรมโอมากาเสะล่วงหน้า จะช่วยให้คุณดื่มด่ำกับทุกช่วงเวลาได้อย่างเต็มเปี่ยม เราจะพาคุณไปไขทุกข้อสงสัย พร้อมแนะนำ 10 สิ่งที่ควรรู้ เพื่อให้มื้อโอมากาเสะครั้งต่อไปของคุณพิเศษและน่าประทับใจยิ่งขึ้น

‘โอมากาเสะ’ vs ‘ซูชิ’ ต่างกันอย่างไร?

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจถึงความแตกต่างพื้นฐานระหว่างสองคำนี้กันก่อนดีกว่าครับ ‘โอมากาเสะ’ (Omakase) คือ ประสบการณ์การรับประทานอาหารญี่ปุ่นที่แตกต่างจากการสั่งซูชิแบบทั่วไป โดยหัวใจหลักคือการมอบความไว้วางใจให้เชฟเป็นผู้รังสรรค์เมนูทั้งหมด เชฟจะนำวัตถุดิบชั้นเลิศตามฤดูกาลมาสร้างสรรค์เป็นคอร์สอาหาร ซึ่งมีการจัดลำดับการเสิร์ฟอย่างเหมาะสมเพื่อให้ผู้รับประทานได้สัมผัสรสชาติที่ดีที่สุด โดยทั่วไปแล้วคอร์สโอมากาเสะจะประกอบด้วยอาหารหลากหลายประเภท ตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย ซาชิมิ ซูชิ ซุป ไปจนถึงของหวาน ดังนั้น เพื่อให้การไปรับประทานโอมากาเสะของคุณได้รับประสบการณ์ที่สมบูรณ์ 100% การทราบข้อมูลเบื้องต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ"

  • ซูชิ (Sushi): คือ "ประเภทของอาหาร" หมายถึงข้าวปั้นที่มีส่วนผสมของน้ำส้มสายชู ทานคู่กับปลาดิบ, อาหารทะเล, ไข่ หรือวัตถุดิบอื่นๆ คุณสามารถเลือกสั่งซูชิเป็นคำๆ หรือเป็นเซตได้ตามเมนูที่ร้านกำหนดไว้
  • โอมากาเสะ (Omakase): คือ "ประสบการณ์การทานอาหาร" ที่มีรากศัพท์มาจากคำว่า "お任せ" ซึ่งแปลว่า "ตามใจเชฟ" หรือ "I'll leave it up to you" แทนที่จะสั่งอาหารจากเมนู คุณจะต้องฝากมื้ออาหารทั้งมื้อไว้กับการสร้างสรรค์ของเชฟแต่เพียงผู้เดียว เชฟจะเป็นผู้เลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดในวันนั้นมาปรุงและเสิร์ฟให้คุณทีละคำ

เปรียบเทียบง่ายๆ: การทานซูชิเหมือนการเลือกชมภาพยนตร์ที่คุณต้องการดู แต่การทานโอมากาเสะเหมือนการซื้อตั๋วเข้าชมละครเวทีที่คุณไม่รู้เนื้อเรื่องล่วงหน้า แต่เชื่อมั่นในฝีมือของผู้กำกับและนักแสดงอย่างเต็มเปี่ยม

10 สิ่งต้องรู้ ก่อนฝากท้องไว้กับเชฟ (Omakase)

เมื่อเข้าใจแนวคิดหลักแล้ว มาดูเกร็ดความรู้และมารยาทเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับมื้อโอมากาเสะได้อย่างเต็มที่

1. ความหมายที่แท้จริง: "ตามใจเชฟ"

หัวใจของโอมากาเสะคือ "ความไว้วางใจ" คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเชฟ (เรียกว่า อิตามาเอะ - Itamae) ว่าเขาจะคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดประจำฤดูกาล และรังสรรค์ออกมาเป็นคำที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้คุณได้ลิ้มลอง

2. ไม่ใช่แค่ซูชิ แต่คือคอร์สอาหารสุดพิเศษ

หลายคนเข้าใจผิดว่าโอมากาเสะคือการกินซูชิอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วมักจะเป็นคอร์สอาหารที่สมบูรณ์แบบ เริ่มตั้งแต่อาหารเรียกน้ำย่อย (Tsumami) ที่อาจเป็นของนึ่ง, ย่าง, หรือตุ๋น ตามด้วยช่วงของนิกิริซูชิ (Nigiri Sushi) ที่เป็นพระเอกของงาน ปิดท้ายด้วยซุปและของหวาน

3. "อิตามาเอะ" (Itamae) คือหัวใจสำคัญ

เชฟไม่ใช่แค่คนปั้นข้าว แต่คือศิลปินและผู้กำกับการแสดง พวกเขามีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับวัตถุดิบ การดึงรสชาติ และการสร้างสมดุลของรสสัมผัสในแต่ละคำ การได้นั่งดูเชฟบรรจงปั้นซูชิด้วยความชำนาญตรงหน้าก็เป็นส่วนหนึ่งของสุนทรียภาพเช่นกัน

4. วัตถุดิบตามฤดูกาลคือพระเอก

โอมากาเสะยึดหลัก "ชุน" (Shun) คือการใช้วัตถุดิบที่อร่อยที่สุดตามฤดูกาลนั้นๆ ปลาหรืออาหารทะเลแต่ละชนิดจะมีช่วงเวลาที่รสชาติดีและมีไขมันแทรกซึมสมบูรณ์ที่สุดแตกต่างกันไป ดังนั้นเมนูในแต่ละวันที่คุณไปทานจึงอาจไม่เหมือนกันเลย

5. ที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์คือทำเลทอง

ที่นั่งที่ดีที่สุดในร้านโอมากาเสะคือหน้าเคาน์เตอร์บาร์ เพราะคุณจะได้สื่อสารกับเชฟโดยตรง ได้เห็นทุกขั้นตอนการทำ และที่สำคัญที่สุดคือคุณจะได้รับซูชิที่เพิ่งปั้นเสร็จใหม่ๆ ในอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุด ทำให้รสชาติสมบูรณ์แบบที่สุด

6. เรียนรู้มารยาทการทาน

  • ทานทันที: เมื่อเชฟเสิร์ฟซูชิให้ตรงหน้า ควรทานทันทีภายใน 15-30 วินาที เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
  • ทานทั้งคำ: ซูชิหนึ่งคำถูกออกแบบมาให้เป็นความสมดุลที่ลงตัว ควรทานทั้งคำเพื่อรับรสชาติทั้งหมดพร้อมกัน
  • ใช้มือหรือตะเกียบ?: สำหรับนิกิริซูชิ สามารถใช้มือหยิบทานได้ ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมและช่วยรักษารูปทรงของข้าวได้ดีกว่า แต่การใช้ตะเกียบก็ไม่ผิดเช่นกัน
  • ไม่ต้องจิ้มโชยุหรือวาซาบิเพิ่ม: เชฟส่วนใหญ่จะปรุงรสชาติมาอย่างสมบูรณ์แล้ว ทั้งการทาโชยุ (เรียกว่า Nikiri) และใส่วาซาบิเล็กน้อยระหว่างข้าวกับปลา การปรุงเพิ่มอาจเป็นการเสียมารยาทและทำลายสมดุลรสชาติที่เชฟตั้งใจไว้
  • ขิงดอง (Gari): มีไว้สำหรับล้างปากเพื่อเตรียมรับรสชาติของปลาคำต่อไป ไม่ใช่เครื่องเคียงที่ทานคู่กับซูชิ

7. สื่อสารกับเชฟได้ แต่อย่าลืมแจ้งสิ่งที่แพ้ล่วงหน้า

คุณสามารถพูดคุย ถามคำถามเกี่ยวกับปลาหรือวัตถุดิบกับเชฟได้ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการทาน แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องแจ้งร้านล่วงหน้าเสมอว่าคุณแพ้อาหารอะไรหรือไม่ทานอะไร เพื่อให้เชฟสามารถเตรียมวัตถุดิบอื่นทดแทนให้ได้

8. "การตรงต่อเวลา" คือการเคารพเชฟและเพื่อนร่วมโต๊ะ

ร้านโอมากาเสะส่วนใหญ่จะเสิร์ฟอาหารเป็นรอบๆ พร้อมกัน การมาสายของคุณจะกระทบกับการเตรียมวัตถุดิบและจังหวะการเสิร์ฟของเชฟ รวมถึงรบกวนสมาธิของลูกค้ท่านอื่นด้วย ดังนั้นควรไปถึงร้านก่อนเวลานัดหมายเล็กน้อย

9. งดใช้น้ำหอมกลิ่นฉุน

กลิ่นที่หอมฟุ้งของน้ำหอมหรือโลชั่น อาจไปรบกวนกลิ่นหอมอันละเอียดอ่อนของวัตถุดิบชั้นเลิศ และทำลายประสบการณ์การรับกลิ่นและรสชาติของคุณเองรวมถึงผู้อื่นที่นั่งอยู่ข้างๆ

10. เตรียมใจและเตรียมงบประมาณ

โอมากาเสะคือประสบการณ์มื้อพิเศษที่มีราคาสูงกว่าร้านซูชิทั่วไปอย่างแน่นอน เนื่องจากคุณภาพของวัตถุดิบที่นำเข้าสดใหม่, ฝีมือและความชำนาญของเชฟ, รวมถึงบรรยากาศที่เป็นส่วนตัว การเตรียมงบประมาณให้พร้อมจะทำให้คุณมีความสุขกับมื้ออาหารได้อย่างไร้กังวล

โอมากาเสะไม่ใช่แค่การทานอาหารให้อิ่มท้อง แต่คือการเดินทางผ่านรสชาติและศิลปะที่เชฟบรรจงสร้างสรรค์ให้คุณโดยเฉพาะ หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์และทำให้การไปทานโอมากาเสะครั้งต่อไปของคุณเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและคุ้มค่าทุกนาทีครับ!

📍 Yuzu Omakase Thailand
 2F, 258/9-10 Siam Square Soi 3, Pathumwan, Bangkok


📞 Phone: 063-898-8989


🌐 Website: www.yuzuomakase.com

Dinner Date Ideas

เเชร์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

เเชร์